ข่าวสารอัพเดท

อยู่ไฟตามแบบวิถีไทยโบราณ ของ”ณัฐชยา ดาราธรรม” บนเว็บไซต์ “www.baanshortawan.net”

หากจะพูดถึง “สมุนไพรไทย” ที่มีสรรพคุณในการดูแลสุขภาพตามแบบภูมิปัญญาไทย ได้มีการนำกลับมาใช้และเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน  โดยจะเห็นได้จาก “ธุรกิจสปา” ที่เปิดบริการกันเกลื่อนเมือง ซึ่งนอกจากสปาแล้วยังมีธุรกิจอีกอย่างหนึ่งที่ต้องพึ่ง “สมุนไพร” มาใช้ดูแลสุขภาพตามแบบวิถีไทยโบราณ นั่นก็คือ “การอยู่ไฟหลังคลอด” ซึ่งปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะให้ความสนใจสักเท่าไร มีก็แต่ผู้เฒ่าผู้แก่คอนสอนคอยเตือนว่า ผู้หญิงเราเมื่อตั้งท้องร่างกายจะผลิตน้ำคาวปลา เมื่อคลอดลูกแล้วน้ำคาวปลานี้จะยังคงอยู่ ถ้าไม่ขับออกมาให้หมดจะถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกาย ทำให้ปวดเนื้อปวดตัวปวดข้อปวดกระดูกตอนแก่ คุณแม่หลังคลอดในสมัยโบราณจึงต้องทำการอยู่ไฟเพื่อขับไล่น้ำคาวปลานี้ออกจากร่างกายให้หมด

ซึ่งคุณแม่สมัยใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายบางครั้งก็ไม่ได้สนใจ บางคนก็ไม่รู้ว่าจะไปหาผู้รู้คนไหนมาทำให้ คิดว่าคงไม่เป็นไร เพราะทุกวันนี้วงการแพทย์ก็เจริญก้าวหน้ารักษาได้ทุกโรคอยู่แล้ว จึงได้ละเลยการดูแลสุขภาพในขั้นตอนนี้ไป แต่สำหรับ “ณัฐชยา ดาราธรรม” คุณแม่คนใหม่เมื่อเกือบสิบปีก่อนนั้นได้ตระหนักถึงภูมิปัญญาที่ช่วยรักษาสุขภาพคุณแม่ตามแบบวิถีไทยอย่างแท้จริง ถึงขั้นลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง มาประกอบกิจการ “อยู่ไฟดิลิเวอรี่” ภายใต้ชื่อ “บ้านช่อตะวัน” หลังจากที่เธอคลอดลูกชายคนแรก แล้วมีโอกาสได้ “อยู่ไฟ” จนได้ค้นพบตัวเองว่าหลงใหลในกลิ่นไอความหอมของสมุนไพรตั้งแต่นั้นมา

         “ณัฐชยา” ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ศึกษาหาความรู้ด้านแพทย์แผนไทยที่กระทรวงสาธารณสุข จนได้รับใบประกอบโรคศิลปะในหลักสูตร ผดุงครรภ์แพทย์แผนไทย เภสัชกรรมแผนไทย เวชกรรมแผนไทย วิถีการใช้ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป บ้านของเธอที่เคยตกแต่งสวยงามไว้สำหรับอยู่อาศัยต้องดัดแปลงเป็นสำนักงาน ทำเป็นที่เก็บสมุนไพรรวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการอยู่ไฟ แต่เธอก็มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ได้ช่วยให้อีกหลายๆ คนมีรายได้ มีงานทำ ตั้งแต่การส่งเสริมให้ปลูกสมุนไพร การเย็บกระโจมผ้าดิบ การฝึกงานให้กับเจ้าหน้าที่ ที่ต้องไปบริการลูกค้าที่บ้าน 

ช่วงแรกของการประกอบกิจการ “ณัฐชยา” ได้ทำทุกวิถีทางที่จะแนะนำเผยแพร่ความรู้ต่างๆ ให้คุณแม่รุ่นใหม่ได้รู้จักและเข้าใจ เพื่อจะได้มองเห็นความจำเป็นในการอยู่ไฟ และมีสุขภาพที่ดีในอนาคต สื่อที่เธอเลือกในขณะนั้นก็คือ การลงโฆษณาในนิตยสาร ออกรายการทีวี และไปออกบู้ธตามงานแสดงสินค้าต่างๆ  ทำสารพัดอย่างเป็นเวลาหลายปี ซึ่งก็ได้ผลตอบรับกลับมาพอสมควร แต่วิธีการเหล่านั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง และเธอเองก็มีงบประมาณอยู่จำกัด และที่สำคัญไม่ต้องการผลักภาระค่าใช้จ่ายไปให้ผู้ใช้บริการ เธอจึงมองหาวิธีเผยแพร่แบบใหม่ๆ ที่ใช้เงินน้อยแต่ได้ผลคุ้มค่า  

และแล้วก็ถึงเวลาที่ “บ้านช่อตะวัน” จะมีเว็บไซต์เป็นตัวเองสักที เพื่อจะได้เป็นสื่อกลางถ่ายทอดความรู้ให้คุณแม่รุ่นใหม่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลกันอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่า “ณัฐชยา” จะเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ก็ตาม  แต่สำหรับเรื่อง “เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์” แล้ว เธอยอมรับว่าคงจะไม่สามารถทำได้แน่ๆ  แต่ทำเว็บไซต์อย่างนี้คงต้องพึ่งมืออาชีพ เธอจึงได้ไปสืบเสาะแสวงหาบริษัทที่รับบริการจัดทำออกแบบเว็บไซต์หลายต่อหลายแห่ง การบริการที่ต้องการก็คือลูกค้าอย่างเธอไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ส่งรูปให้ ส่งข้อมูลให้ บอกสิ่งที่เธอต้องการ รูปแบบการนำเสนอ  ก็ขอให้ได้เว็บไซต์มาเลย  

ซึ่ง “ณัฐชยา” บอกกับ “ชีวิตต้องสู้” ว่า เธอได้พบแล้ว นั่นก็คือ บริษัท จีเอ็ม แอดวานซ์ มีเดีย จำกัด ที่ทำทุกอย่างให้เธอตั้งแต่การออกแบบหน้าตาของเว็บไซต์ ใส่รูป ใส่ข้อมูล ใส่คลิปวีดีโอ ใส่เสียงดนตรี เปลี่ยนแปลงรูป แก้ไขข้อมูล สร้างเว็บบอร์ดให้เธอคุยกับคุณแม่มือใหม่ และอื่นๆอีกสารพัด และที่สำคัญคือเธอยังคงได้รับการบริการที่ดีเหมือนเมื่อครั้งที่เป็นลูกค้าใหม่เธอจึงไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปใช้บริการที่ไหนอีก

หากท่านผู้อ่านสนใจอยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง  ก็ติดต่อสอบถามได้ที่ 0-2643-1901-4
 
2014-10-08