1. ขาดการตรวจสอบงานฝ่าย Social Media 

Social Media นับวันจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นช่องทางเข้าถึงเข้ามายังบริษัทคุณมากถึง 1 ใน 3 ของช่องทางทั้งหมดในทุกวันนี้ ดังนั้น จึงจำเป็นที่คุณจะต้องดูแล ผู้จัดการด้าน Social Media ของคุณอย่างใกล้ชิด เพราะในบางครั้ง การขาดประสบการณ์ ก็นำมาสู่ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เช่นกรณีที่บริษัท American Apparel เคยโพสต์รูปเฉลิมฉลองวันชาติสหรัฐฯ (4 กรกฎาคม) ด้วยรูปยานอวกาศชาเลนเจอร์ระเบิดกลางอากาศเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นพลุหรือดอกไม้ไฟ เนื่องจากเกิดไม่ทันเหตุการณ์ดังกล่าว

2. ไม่ได้รับมือกับ Feedbackเชิงลบอย่างมีประสิทธิภาพ

แน่นอนว่าFeedbackในเชิงลบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในหน้าเพจของคุณ แต่คุณก็มีทางเลือกที่จะมองข้ามไป ตอบโต้ หรือหาทางแก้ไข ซึ่งทางเลือกเหล่านี้ จะบ่งบอกตัวตนแบรนด์ของคุณว่าเป็นอย่างไร โดยบางแบรนด์ เลือกที่จะลบ “เมนท์ด่า” เหล่านี้โดยไม่สื่อสารต่อ บางแบรนด์มองว่าการมองข้ามไป ไม่ต่อปากต่อคำ เป็นทางเลือกที่ดี แต่ทางที่ดีที่สุด ควรจะใช้โอกาสนี้ในการแสดงความรับผิดชอบของแบรนด์อย่างทันท่วงที ซึ่งนอกจากจะแสดงถึงความรับผิดชอบที่มีต่อลูกค้าแล้ว ยังจะเป็นเหมือนการโปรโมทภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทไปพร้อมกันด้วย

3. ซื้อ Like หรือ Follower 

การซื้อจำนวนผู้ติดตาม หรือจำนวน Like ในหน้าเพจของคุณ เป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก หลายบริษัทอาจจะมองว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่มีจำนวนคน Like เพจมากๆ แต่แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับหน้าเพจเลย เป็นตัวที่จะบ่งชี้ให้ Facebook รู้ว่าเพจของคุณไม่ได้มีเนื้อหาที่น่าสนใจต่อผู้ชมเลย และจะทำให้ระบบประเมินข้อมูลของ Facebook ไม่โชว์หน้าเพจของคุณ และเมื่อจับได้ว่ามีการซื้อจำนวนผู้ติดตาม ก็อาจจะนำมาซึ่งการถูกปิดเพจในที่สุด

4. โพสต์แต่เรื่องเดิมซ้ำๆ

การโพสต์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่น่าเบื่อติดตัวแบรนด์ของคุณไป แทนที่จะโพสต์ Like ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือ Quote คำพูดต่างๆ ซ้ำๆ ก็น่าจะหันมาโพสต์เรื่องที่มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะเมื่อโพสต์อะไรซ้ำ ๆ ก็จะทำให้ลูกค้าหมดความสนใจในเพจและแบรนด์ของคุณ และอาจสร้างภาพลักษณ์ว่าคุณเองไม่ได้ใส่ใจกับหน้าเพจเท่าไหร่

5. เอาแต่โปรโมทสินค้าตัวเอง

แม้ว่าการโปรโมทสินค้าผ่าน Social Network จะเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่การโปรโมทบ่อยๆ อาจจะดูเหมือนยัดเยียดจนเกินไป เพราะการใช้ Social Media มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์ หรือเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อนำไปสู่การสร้างยอดขาย แต่อย่าใช้ Social Media ไปเพื่อการโฆษณาเพียงอย่างเดียว โดยคุณอาจจะนำกฎ 80/20 มาใช้ คือ โพสต์อะไรสร้างสรรค์ที่ดึงดูดคนให้มาเข้าเพจ 80% และโพสต์โฆษณา 20% และอาจจะคิดต่อไปอีกว่า จะทำยังไงให้คนที่ติดตามเพจของคุณ คลิกเข้าเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์คุณเพื่อก่อให้เกิดยอดขายต่อไปได้

6. ไม่ได้ Update ข้อมูลอยู่เสมอ

การขาดความสม่ำเสมอในการอัพเดท รวมถึงการโพสต์ที่ข้อความแต่ละข้อความไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ย่อมสร้างความสับสนให้กับผู้ติดตาม และอาจจะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ วิธีการที่ดี ควรจะมีการกำหนดกลยุทธ์ หรือแนวทางให้เป็นมาตรฐาน เพื่อรับประกันว่าพนักงานทุกคนที่รับหน้าที่ด้าน Social Media จะสามารถปฏิบัติงานไปในทางเดียวกัน
 

1. กำหนดวิธีการหรือแนวทางในการตอบสนองต่อความคิดเห็นในเชิงลบ
2. มีการรวบรวมคำถาม คำตอบที่พบบ่อย และวิธีการปฏิบัติให้กับทีมงานรับทราบเพื่อจะได้ใช้อ้างอิงกันได้ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อความที่สื่อสารออกไปจะเป็นไปในทางเดียวกัน
3. มีการจัดเก็บรวบรวมรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ที่พนักงานแต่ละคนจะนำไปใช้เป็นรูป profile หรือรูป cover page
4. มีตารางกำหนดการที่แน่นอนในการที่จะอัพเดทหรือโพสต์ต่างๆ

7.ตอบกลับโพสต์แบบ “สำเร็จรูป”

แม้ว่าการกำหนดแนวทางที่แน่นอน จะช่วยให้คุณสามารถตอบสนองต่อลูกค้า และโพสต์ต่างๆได้ในทิศทางเดียวกัน แต่การใช้ข้อความแบบ “สำเร็จรูป” มาตัดและแปะตอบไปเหมือนกันทุกข้อความ นั้นไม่ได้ช่วยทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย โดยเฉพาะต่อโพสต์ที่เป็นคำวิจารณ์ ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งผลเสียอย่างคาดไม่ถึง เพราะแม้การเตรียมคำตอบของคำถามที่มีเข้ามาบ่อยๆเอาไว้ จะช่วยประหยัดเวลา แต่ก็ต้องใช้แบบระมัดระวังด้วย โดยเฉพาะการรับมือคำวิจารณ์ หรือความคิดเห็นในแง่ลบ ซึ่งควรจะมีการจัดการแบบเฉพาะเจาะจงต่อประเด็นที่ลูกค้ามีปัญหา มากกว่าที่จะตอบแบบทั่วๆไป

8. ไม่ได้ใช้ Social Media ที่เหมาะสม 

แม้มีช่องทางในการสื่อสาร หรือ Social Network มากมายให้คุณเลือกใช้ในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องใช้มันหมดทุกช่องทาง เพียงแต่เลือกช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของคุณสัก 2-3 ช่องทาง เพราะจะช่วยให้คุณเชื่อมโยงเรื่องที่โพสต์อยู่เป็นประจำได้ มากกว่าที่จะหว่านไปทั่ว แต่อาจจะไม่มีเวลาที่จะอัพเดทได้ในทุกๆช่องทาง